ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าเทียบยูโรและสกุลเงินหลัก ขานรับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 20, 2018 07:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1644 ดอลลาร์ จากระดับ 1.148 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3015 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3063 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7358 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7402 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.47 เยน จากระดับ 112.85 เยน และอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9990 ฟรังก์ จากระดับ 0.9991 ฟรังก์

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 207,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 2,750 ราย สู่ระดับ 220,500 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค.

ทั้งนี้ ดัชนี LEI ถือเป็นสิ่งบ่งชี้ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยคำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 รายการ ซึ่งรวมถึง คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต, ราคาหุ้น และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากปธน.ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเฟดผ่านการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC เมื่อวานนี้ว่า การดำเนินนโยบายของเฟดอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของปธน.ทรัมป์ถือเป็นการกระทำที่สวนทางประธานาธิบดีคนก่อนๆของสหรัฐที่มักจะหลีกเลี่ยงการแทรกแซงการทำงานของเฟด โดยคำกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้นหลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ ซึ่งเขาได้ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ