ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (20 ก.ค.) หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาจีนและสหภาพยุโรปกำลังปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1725 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1644 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3135 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3015 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7425 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7358 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.55 เยน จากระดับ 112.47 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9926 ฟรังก์ จากระดับ 0.9990 ฟรังก์
ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.70% สู่ระดับ 94.441
ดอลลาร์ได้รับปัจจัยกดดัน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อคืนนี้ กล่าวหาว่า จีนและสหภาพยุโรปกำลังปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
"จีนและสหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ได้ทำการปั่นค่าเงิน และปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สหรัฐกำลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และดอลลาร์กำลังแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน ทำให้สหรัฐสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการที่ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีกครั้งหนึ่ง
"สหรัฐไม่ควรถูกทำโทษเพราะเศรษฐกิจกำลังไปได้ดี การขึ้นดอกเบี้ยในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งที่เราได้ทำ สหรัฐควรได้รับโอกาสในการรับสิ่งที่สูญเสียไปจากการที่ประเทศอื่นปั่นค่าเงิน และทำข้อตกลงที่เอาเปรียบสหรัฐ" ข้อความในทวีตเตอร์ระบุ
การทวีตข้อความดังกล่าว ถือเป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเฟดเป็นครั้งที่ 2 ของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่เขาให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว CNBC ว่า การดำเนินนโยบายของเฟดอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าว หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ ซึ่งเขาได้ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้
"ผมไม่รู้สึกยินดีต่อการทำงานของเฟด เพราะทุกครั้งที่เศรษฐกิจปรับตัวขึ้น พวกเขาก็ต้องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ซึ่งผมไม่ค่อยสบายใจต่อเรื่องนี้ แต่ขณะเดียวกัน ผมก็ปล่อยให้พวกเขาทำในสิ่งที่พวกเขามองว่าดีที่สุด แต่ผมไม่ชอบงานของพวกเขาซึ่งได้กระทบต่อสิ่งที่เราทำ" ปธน.ทรัมป์กล่าว