ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ปรับตัวลดลงสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.02 เยน จากระดับ 110.97 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9930 ฟรังก์ จากระดับ 0.9929 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1541 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1618 ดอลลาร์ เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2845 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2892 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7384 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7438 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย ขณะที่สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ค. มีจำนวนเพิ่มขึ้น 29,000 ราย อยู่ที่ระดับ 1.76 ล้านราย
อย่างไรก็ตาม แรงบวกของดอลลาร์ถูกสกัดลงในระหว่างวัน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทรงตัวในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. ทั้งนี้ การทรงตัวของดัชนี PPI บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบและรถยนต์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้สหรัฐซึ่งได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.