ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) หลังจากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดรอบเกือบ 1 ปี ขณะที่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากมีรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค.ของยูโรโซนพุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1442 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1365 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ1.2746 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2708 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7317 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7259 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.60 เยน จากระดับ 110.88 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9952 ฟรังก์ จากระดับ 0.9964 ฟรังก์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 95.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 98 โดยผลการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มลดลงในการซื้อสินค้า ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล
ส่วนสกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.1% ในเดือนก.ค. หลังจากแตะระดับ 2% ในเดือนมิ.ย. โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนในเดือนก.ค.อยู่ในระดับสูงกว่าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อให้ "อยู่ใกล้ แต่ไม่เกินระดับ 2%" ซึ่งการที่อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งเหนือระดับเป้าหมายของ ECB จะเป็นการส่งสัญญาณสนับสนุนให้ ECB ยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงสิ้นปีนี้ และทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน"
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เจรจาการค้ารอบใหม่จะมีขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค.ที่จะถึงนี้