ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.55% แตะที่ระดับ 95.6715 ณ เวลา 20.00 น.ตามเวลา GMT
เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดมีความพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
"กรรมการเฟดมีความเห็นว่า หากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับมา สนับสนุนมุมมองของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะก้าวไปสู่อีกขั้นตอนหนึ่งของการถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน" รายงานการประชุมเฟดระบุ
รายงานการประชุมของเฟดสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการเฟดพร้อมที่จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ปธน.ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม โดยล่าสุดนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เฟดสายเหยี่ยวที่มีจุดยืนสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ได้ประกาศกร้าวเมื่อวานนี้ว่า คำวิพากษ์วิจารณ์ของปธน.ทรัมป์จะไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของเฟด และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์แสดงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด
ทางด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัสกล่าวเมื่อวานนี้ เฟดควรตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยด้วยตนเองโดยไม่คำนึงถึงอิทธิพลทางการเมือง นอกจากนี้ นายแคปแลนยังได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งในขณะนี้
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ปธน.ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กรณีที่เฟดมีนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่ปลื้มต่อการที่นายพาวเวลปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเขาจะวิพากษ์วิจารณ์เฟดต่อไป หากเฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งนับตั้งแต่ที่นายทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนม.ค.ปีที่แล้ว เทียบกับที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
นอกจากนี้ เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ และยังส่งสัญญาณปรับขึ้นอีก 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ รวมทั้งมีแนวโน้มปรับขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้า
ปธน.ทรัมป์กังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐ และทำให้สหรัฐขาดดุลการค้ามากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ปธน.ทรัมป์ให้ความสนใจ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเปิดฉากทำสงครามการค้ากับประเทศคู่ค้าในระยะนี้