นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า กระทรวงการคลังสหรัฐเตรียมออกรายงานรอบครึ่งปีว่าด้วยประเทศที่บิดเบือนค่าเงินในวันที่ 15 ต.ค.
นายมนูชินกล่าวว่า รายงานดังกล่าวจะพิจารณาจากข้อมูลการดำเนินการของรัฐบาลต่างๆต่อสกุลเงินของตนในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย. ซึ่งสำหรับในกรณีของจีน สหรัฐจะพิจารณาการอ่อนค่าของหยวนในการพิจารณาทบทวนสถานะของจีนในรายงานดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นายมนูชินกล่าวชื่นชมจีนในวันนี้ หลังจากที่ใช้นโยบายพยุงค่าเงินหยวนในช่วงที่สหรัฐและจีนกำลังทำสงครามการค้า
"สกุลเงินของพวกเขาเป็นสกุลเงินที่มีการควบคุมมากกว่าสกุลเงินอื่นที่นักลงทุนสามารถเข้าถึงในตลาดได้ แต่ถ้าจีนเข้าพยุงค่าเงินหยวน ก็ไม่ถือว่าเป็นการปั่นค่าเงิน" นายมนูชินกล่าว
"ถ้าจีนปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะปัจจัยทางโครงสร้าง หรือจากการปั่นค่าเงินจริงๆ สิ่งนี้จะถือเป็นการปั่นค่าเงิน" เขากล่าว
นายมนูชินกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเขากำลังจับตาค่าเงินหยวน
หยวนแข็งค่าเทียบดอลลาร์ติดต่อกันเป็นวันทำการที่ 3 ในวันนี้ หลังจากที่จีนใช้นโยบายพยุงค่าเงินหยวน
ทั้งนี้ ในการซื้อขายในตลาดภายในประเทศ หยวนเปิดตลาดในวันนี้ที่ระดับ 6.8128 เทียบดอลลาร์ และปิดตลาดแข็งค่าขึ้น 0.1% สู่ระดับ 6.8070 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.
ทางด้านธนาคารกลางจีนได้ปรับเพิ่มค่ากลางของหยวนเกือบ 0.7% ในวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 15 เดือน สู่ระดับ 6.8052 หยวนเทียบดอลลาร์
ตลาดจับตาระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 6.8000 หยวนเทียบดอลลาร์ ซึ่งหากหยวนทะลุระดับดังกล่าว ก็จะส่งผลให้นักลงทุนผลักดันให้หยวนแข็งค่าขึ้นต่อไป
นักวิเคราะห์ระบุว่าการที่ธนาคารกลางจีนใช้มาตรการหนุนค่าเงินหยวน ถือเป็นการผ่อนคลายความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ หลังจากที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มักกล่าวหาจีนว่าได้ทำการปั่นค่าเงินหยวน โดยจงใจทำให้หยวนอ่อนค่าลง เพื่อทำให้จีนได้เปรียบในการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ
ธนาคารกลางจีนระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค. ธนาคารกลางได้เริ่มปรับวิธีการคำนวณค่ากลางหยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งจะ"ป้องกันปัจจัยผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ" (counter-cyclical factor) โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้หยวนมีเสถียรภาพ หลังจากที่หยวนได้อ่อนค่าลงติดต่อกัน 10 สัปดาห์