ปอนด์พุ่งขึ้นเทียบดอลลาร์และยูโร หลังมีข่าวว่า นายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป (EU) ในประเด็นการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) กล่าวว่า ยุโรปเตรียมเสนอให้อังกฤษได้รับสถานะการเป็นหุ้นส่วนที่ไม่เคยมีมาก่อน
ณ เวลา 23.24 น.ตามเวลาไทย ปอนด์แข็งค่า 0.78% สู่ระดับ 1.2976 ดอลลาร์ และดีดตัวขึ้น 0.75% สู่ระดับ 0.9010 เทียบยูโร
นักวิเคราะห์ระบุว่า คำกล่าวของนายบาร์นิเยร์เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างอังกฤษและ EU กรณี Brexit โดยการที่ EU ยื่นข้อเสนอดังกล่าว ถือเป็นการผ่อนคลายจากเงื่อนไขเดิมที่ EU ระบุว่าอังกฤษจะต้องตัดสินใจเลือกความสัมพันธ์ในอนาคตในรูปแบบที่มีอยู่ในขณะนี้ และบ่งชี้ว่า EU ได้ลดท่าทีแข็งกร้าวต่อข้อเสนอจากอังกฤษเพื่อเร่งกระบวนการเจรจา ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 8 เดือนก่อนถึงวันที่อังกฤษจะถอนตัวออกจาก EU อย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานก่อนหน้านี้ว่า เจ้าหน้าที่อังกฤษและ EU ได้เลื่อนกำหนดเส้นตายในการเจรจา Brexit ออกไปเป็นกลางเดือนพ.ย. เนื่องจากยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า ถึงแม้เจ้าหน้าที่อังกฤษ และ EU เปิดเผยต่อสาธารณชนว่า พวกเขาต้องการที่จะบรรลุข้อตกลง Brexit ภายในวันที่ 18 ต.ค. หรือภายในอีก 7 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นการประชุมสุดยอดผู้นำ EU แต่เบื้องหลังแล้ว พวกเขายอมรับว่าสิ่งนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้
แหล่งข่าวระบุว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่อังกฤษ และ EU ตั้งเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลง Brexit ภายในกลางเดือนพ.ย.เป็นอย่างช้าที่สุด
การเลื่อนเส้นตายดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายยังคงประสบปัญหาในการเจรจา และการกำหนดเส้นตายในเดือนพ.ย.ก็เป็นการส่งสัญญาณว่า EU อาจจัดการประชุมฉุกเฉินในเดือนดังกล่าวเพื่อพิจารณาเรื่องนี้
ทั้งนี้ ผู้นำ EU มีกำหนดหารือกรณี Brexit ในการประชุมสุดยอดที่เมืองซัลส์บูร์กในกลางเดือนก.ย. และอีกครั้งหนึ่งในเดือนต.ค.ที่กรุงบรัสเซลส์
การที่อังกฤษและ EU เลื่อนเส้นตายในการทำข้อตกลง Brexit ออกไปอีกนั้น สะท้อนให้เห็นว่า ตัวแทนการเจรจาของทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญกับความท้าทายในการบรรลุข้อตกลง โดยความเสี่ยงที่เห็นได้ชัดในขณะนี้ก็คือ ยิ่งใกล้วันที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค.ปีหน้ามากเท่าใด โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงได้นั้น ก็ยิ่งเป็นไปได้ยากมากขึ้นเท่านั้น
หลายฝ่ายกังวลว่า การถอนตัวจาก EU แบบไม่มีข้อตกลงจะส่งผลให้อังกฤษเผชิญผลกระทบในหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรป, ต้นทุนบัตรเครดิตที่ปรับตัวสูงขึ้น, งานเอกสารข้ามชายแดนมีความยุ่งยากมากขึ้น, การขาดแคลนยารักษาโรค, ภาวะไฟฟ้าดับ และอาจต้องหยุดให้บริการทางหลวงพิเศษในเมืองโดเวอร์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้ในการเดินทางไปยังฝรั่งเศส