เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ส.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหภาพยุโรปเตรียมเสนอให้อังกฤษได้รับสถานะการเป็นหุ้นส่วนที่ไม่เคยมีมาก่อน หลังจากที่อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกของสภาพยุโรป (Brexit) แล้ว ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 2
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.3020 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2867 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.1698 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1696 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7299 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7335 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.69 เยน จากระดับ 111.21 เยน แต่อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9713 ฟรังก์ จากระดับ 0.9766 ฟรังก์
เงินปอนด์ได้รับปัจจัยหนุนหลังจากนายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่ายสหภาพยุโรป (EU) ในประเด็น Brexit กล่าวว่า ยุโรปเตรียมเสนอให้อังกฤษได้รับสถานะการเป็นหุ้นส่วนที่ไม่เคยมีมาก่อน
คำกล่าวของนายบาร์นิเยร์ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างอังกฤษและ EU กรณี Brexit โดยการที่ EU ยื่นข้อเสนอดังกล่าว ถือเป็นการผ่อนคลายจากเงื่อนไขเดิมที่ EU ระบุว่าอังกฤษจะต้องตัดสินใจเลือกความสัมพันธ์ในอนาคตในรูปแบบที่มีอยู่ในขณะนี้ และบ่งชี้ว่า EU ได้ลดท่าทีแข็งกร้าวต่อข้อเสนอจากอังกฤษเพื่อเร่งกระบวนการเจรจา ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 8 เดือนก่อนถึงวันที่อังกฤษจะถอนตัวออกจาก EU อย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานก่อนหน้านี้ว่า เจ้าหน้าที่อังกฤษและ EU ได้เลื่อนกำหนดเส้นตายในการเจรจา Brexit ออกไปเป็นกลางเดือนพ.ย. เนื่องจากยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจา นอกจากนี้ บลูมเบิร์กยัง ถึงแม้เจ้าหน้าที่อังกฤษ และ EU เปิดเผยต่อสาธารณชนว่า พวกเขาต้องการที่จะบรรลุข้อตกลง Brexit ภายในวันที่ 18 ต.ค. หรือภายในอีก 7 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นการประชุมสุดยอดผู้นำ EU แต่เบื้องหลังแล้ว พวกเขายอมรับว่าสิ่งนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้
สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 4.2% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 4.1% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.0%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 0.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนีร่วงลง 2.3% ในเดือนก.ค. โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 7 ซึ่งการปรับตัวลงของดัชนีได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนปริมาณบ้านในตลาด, ราคาบ้านที่พุ่งสูง รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ดีดตัวขึ้น
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน