เงินปอนด์และยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) ขานรับความหวังที่ว่า การเจรจาเกี่ยวกับการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า สหรัฐมียอดขาดดุลการค้าสูงสุดในรอบ 5 เดือน
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.2898 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2856 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.1623 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1579 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7185 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7178 ดอลลาร์สหรัฐ
หากเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 111.52 เยน จากระดับ 111.49 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3187 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3177 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9724 ฟรังก์ จากระดับ 0.9747 ฟรังก์
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหราชอาณาจักร และเยอรมนีเตรียมที่จะยกเลิกเงื่อนไขที่เคยเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาในประเด็น Brexi ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลง
แหล่งข่าวระบุว่า เยอรมนีพร้อมที่จะยอมรับข้อตกลงที่ไม่มีเงื่อนไขมากเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าในอนาคตของสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถทำข้อตกลง Brexit นอกจากนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า สหราชอาณาจักรพร้อมที่จะยอมรับแถลงการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอนาคต โดยยอมเลื่อนการตัดสินใจในบางประเด็นจนกว่าจะผ่านพ้นวันที่มีการแยกตัวอย่างเป็นทางการ
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 9.5% สู่ระดับ 5.01 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และเป็นการขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังระบุด้วยว่า สหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนพุ่งขึ้น 10% สู่ระดับ 3.68 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ขาดดุลการค้าต่อเม็กซิโกลดลง 25.3% สู่ระดับ 5.5 พันล้านดอลลาร์ และขาดดุลต่อสหภาพยุโรปพุ่งขึ้น 50% สู่ระดับ 1.76 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ขาดดุลต่อแคนาดาเพิ่มขึ้น 57.6% สู่ระดับ 3.1 พันล้านดอลลาร์ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 2/2561, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.