ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลงในวันนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะลดแนวโน้มในการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ส่วนยูโรพุ่งขึ้นเทียบดอลลาร์และเยน ขานรับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งได้ประกาศหั่นวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงครึ่งหนึ่ง และจะยุติมาตรการ QE สิ้นปีนี้
ณ เวลา 21.23 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ลบ 0.26% สู่ระดับ 94.55 ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่า 0.47% สู่ระดับ 111.77 เยน ส่วนยูโรพุ่งขึ้น 1.02% สู่ระดับ 130.64 เยน และดีดตัวขึ้น 0.52% สู่ระดับ 1.1684 ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค.
การเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดของดัชนี CPI มีสาเหตุจากการร่วงลงของค่าใช้จ่ายด้านการรักษาสุขภาพ และเสื้อผ้า ขณะที่ราคาค่าเช่า และพลังงานปรับตัวขึ้น
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2.9% ในเดือนก.ค.
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานขยับขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค.,มิ.ย.และก.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.2% หลังจากพุ่งขึ้น 2.4% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2551
ทางด้าน ECB จัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ECB ระบุว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปีหน้า
นอกจากนี้ ECB ประกาศว่าจะลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ลงครึ่งหนึ่ง สู่ระดับ 1.5 หมื่นล้านยูโร (1.74 หมื่นล้านดอลลาร์) ต่อเดือน นับตั้งแต่เดือนต.ค. และจะยุติมาตรการ QE โดยสิ้นเชิงในช่วงสิ้นปีนี้