สกุลเงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า อังกฤษอาจจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่สามารถทำข้อตกลงกับสหภาพยุโรปได้ หลังจากการเจรจาระหว่างสองฝ่ายประสบภาวะชะงักงัน
เงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.3078 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3267 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1746 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1775 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7283 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7290 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.52 เยน จากระดับ 112.46 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2921 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2911 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9586 ฟรังก์ จากระดับ 0.9595 ฟรังก์
เงินปอนด์ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า EU และสหราชอาณาจักรกำลังประสบภาวะชะงักงันในการเจรจาเกี่ยวกับ Brexit โดยนางเมย์ย้ำว่าสหราชอาณาจักรพร้อมที่จะถอนตัวจากการเจรจา Brexit กับ EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง และสหราชอาณาจักรจะไม่มีการทำประชามติครั้งใหม่เกี่ยวกับ Brexit
นางเมย์กล่าว หลังจากที่นายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ประกาศไม่ยอมรับข้อเสนอ Brexit ของนางเมย์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งนางเมย์ต้องการให้สหราชอาณาจักรยังคงสามารถทำการค้าเสรีกับ EU ต่อไป แต่นายทัสค์ระบุว่า ข้อเสนอดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะบ่อนทำลายระบบตลาดเดี่ยวของ EU
นอกจากนี้ นายทัสค์ยังเตือนว่า การเจรจา Brexit กับสหราชอาณาจักรอาจล่มสลายลง หากนางเมย์ไม่ยอมผ่อนปรนเงื่อนไขเกี่ยวกับชายแดนของไอร์แลนด์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 53.4 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน หลังจากแตะ 54.7 ในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 55.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 54.7 ในเดือนส.ค. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 52.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 54.8 ในเดือนส.ค.
นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 25-26 ก.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอีกครั้งในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.และมิ.ย. ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้ ส่วนในปีหน้า เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง