ดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ส่วนใหญ่ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตด้านงบประมาณของประเทศอิตาลี
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.57 เยน จากระดับ 113.42 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9792 ฟรังก์ จากระดับ 0.9775 ฟรังก์ ขณะที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนดา ที่ระดับ 1.2921 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3039 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1610 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1658 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3039 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3087 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นแตะระดับ 0.7223 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7210 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนกำลังจับตาสถานการณ์ด้านงบประมาณของอิตาลีอย่างใกล้ชิด หลังจากที่รัฐบาลอิตาลีภายใต้การนำของพรรคไฟว์ สตาร์ และพรรคเดอะ ลีก เห็นพ้องให้มีการกำหนดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปีหน้าไว้ที่ 2.4% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลชุดก่อนถึง 3 เท่า และคาดว่าจะทำให้สหภาพยุโรป (EU) แสดงความไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะทำให้อิตาลีมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้นไปอีก
รัฐบาลอิตาลีได้ขยายเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 2562 เพื่อหนุนนโยบายจากแคมเปญการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกับ EU
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ ได้แก่ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 100.1 ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับตัวเลขเบื้องต้นที่ 100.8 หลังจากแตะระดับ 96.2 ในเดือนส.ค.
ผลการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคมีมุมมองเชิงบวกต่อรายได้และการจ้างงานในอนาคต
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หลังจากที่ขยายตัว 0.4% ในเดือนก.ค.
ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งเข้ามาชดเชยยอดซื้อรถยนต์ที่ปรับตัวลดลง
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐานเดือนส.ค. ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค.