ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ต.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.93 เยน จากระดับ 112.57 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9891 ฟรังก์ จากระดับ 0.9920 ฟรังก์ แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3050 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3033 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1594 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1525 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3232 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3199 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7103 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7084 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. โดยการเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดของดัชนี CPI เดือนก.ย.มีสาเหตุจากการชะลอตัวของราคาค่าเช่า และพลังงาน
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนก.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 2.7% ในเดือนส.ค.
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเดือนก.ย.ขยับขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้น 2.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.2% เช่นกันในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐยังสร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์เช่นกัน โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมทั้งความกังวลที่ว่าสงครามการค้าอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 2.67 แสนล้านดอลลาร์ หากจีนทำการตอบโต้ต่อการเรียกเก็บภาษีก่อนหน้านี้ของสหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 214,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 206,000 ราย
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน