ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร เงินปอนด์ และเงินเยน เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เมื่อเวลา 19.37 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ยูโรแข็งค่าขึ้น 0.05% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1459 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.02% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.302 ดอลลาร์ และเงินเยนแข็งค่าขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 112.40 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากการที่เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 25-26 ก.ย. โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจสหรัฐ และควบคุมอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งป้องกันความเสี่ยงจากภาวะไร้สมดุลทางการเงิน โดยในการประชุมวันดังกล่าวนั้น คณะกรรมการเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากกว่า 80.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้
นายแรนดัล ควอร์เลส หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า เฟดควรเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่งอจากเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่เอื้ออำนวย
นายควอร์เลส กล่าวที่สมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งนิวยอร์กเมื่อวานนี้ว่า เขามีมุมมองที่เป็นบวกต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ เมื่อประเมินจากความตึงตัวในตลาดแรงงาน และแนวโน้มผลิตภาพที่ดี
อย่างไรก็ดี นายควอร์เลสกล่าวว่า เฟดไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินไปแม้เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตดี เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงคอยถ่วงอยู่
นักลงทุนจับตาสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.ย. ในวันนี้ เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย