สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 26 เดือน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1387 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1467 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2880 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2985 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7064 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7084 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.41 เยน จากระดับ 112.47 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3017 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3087 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9972 ฟรังก์ จากระดับ 0.9956 ฟรังก์
ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 25 เดือน จากระดับ 54.1 ในเดือนก.ย. โดยการร่วงลงของดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี
สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของยูโรโซนอยู่ที่ 52.1 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 26 เดือน จากระดับ 53.2 ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นอยู่ที่ 53.3 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 24 เดือน จากระดับ 54.7 ในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ระบุว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.8 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังจากแตะระดับ 53.9 ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 5.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 553,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2559 และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 4 เดือน โดยยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงในเดือนก.ย.ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้น
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน