ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือนในวันนี้ ขานรับการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ส่งผลให้ดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความต้องการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง หลังการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีนและญี่ปุ่นในวันนี้ รวมทั้งการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในคืนนี้
ณ เวลา 23.28 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.08% สู่ระดับ 97.09 หลังจากแตะ 97.12 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. จากระดับ 218,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการจ้างงานภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้น 189,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.
การจ้างงานภาคเอกชนในเดือนต.ค.มีการเพิ่มขึ้นในวงกว้างทั่วทุกภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในธุรกิจขนส่งและสาธารณูปโภค
การจ้างงานในภาคบริการเพิ่มขึ้น 189,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ส่วนภาคการผลิตและภาคก่อสร้างเพิ่มขึ้นภาคละ 17,000 ตำแหน่ง
ส่วนปอนด์ดีดตัวขึ้นเทียบดอลลาร์และยูโร หลังรัฐมนตรีของอังกฤษมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ได้ภายในวันที่ 21 พ.ย.
ณ เวลา 23.15 น.ตามเวลาไทย ปอนด์แข็งค่า 0.43% สู่ระดับ 1.2759 ดอลลาร์ และดีดตัว 0.66% สู่ระดับ 0.8867 เทียบยูโร
นายโดมินิค แรบ รัฐมนตรีฝ่ายกิจการ Brexit ของอังกฤษ ระบุว่า เขาคาดว่าอังกฤษจะสามารถทำข้อตกลง Brexit กับสหภาพยุโรป (EU) ได้ภายในวันที่ 21 พ.ย.
ทั้งนี้ นายแรบระบุกำหนดวันดังกล่าวในจดหมายที่ส่งไปยังนางฮิลารี เบนน์ ประธานคณะกรรมาธิการ Brexit ของรัฐสภาอังกฤษ โดยจดหมายดังกล่าวลงวันที่ 24 ต.ค.
"เราใกล้บรรลุข้อตกลง Brexit แล้ว ถึงแม้ยังคงมีอุปสรรค แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเราที่จะก้าวข้ามไป" เนื้อหาในจดหมายระบุ
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่าธนาคารกลางจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป