ดอลลาร์ปรับตัวแคบในช่วงบนของกรอบ 112 เยน ขณะที่นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระหว่างก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในสัปดาห์หน้า ขณะจับตาตัวเลขเศรษฐกิจ
ปอนด์และยูโรพุ่งขึ้นในวันนี้ หลังมีการเปิดเผยว่า สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป (EU) ใกล้บรรลุข้อตกลงในภาคบริการทางการเงิน
นอกจากนี้ ปอนด์ยังได้แรงหนุน หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หากกระบวนการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เป็นไปอย่างราบรื่น
ณ เวลา 23.20 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.17% สู่ระดับ 112.74 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.56% สู่ระดับ 128.44 เยน และดีดตัวขึ้น 0.73% สู่ระดับ 1.1392 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.74% สู่ระดับ 96.41 ขณะที่ปอนด์แข็งค่า 1.63% สู่ระดับ 1.2973 ดอลลาร์ และปรับตัวขึ้น 0.90% สู่ระดับ 0.8778 เทียบยูโร
BoE มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันนี้ ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนจากปัจจัย Brexit
อย่างไรก็ดี BoE ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หากกระบวนการ Brexit เป็นไปอย่างราบรื่น
BoE เปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวดีกว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ภาคธุรกิจได้จำกัดการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในอนาคตระหว่างสหราชอาณาจักรกับประเทศคู่ค้า
แถลงการณ์ระบุว่า หากกระบวนการ Brexit เป็นไปอย่างราบรื่น เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะยังคงขยายตัว 1.75% ต่อปี แต่ระดับดังกล่าวต่ำกว่าระดับสูงกว่า 2% ก่อนที่สหราชอาณาจักรลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
BoE ยังระบุว่า เศรษฐกิจได้มีการขยายตัวเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อจะใช้เวลา 3 ปีในการลดลงจากระดับปัจจุบัน ไปยังระดับเป้าหมาย 2% ของ BoE
นอกจากนี้ BoE คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะมีการขยายตัวมากกว่าศักยภาพในปลายปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาเร็วกว่าที่ BoE คาดการณ์ในเดือนส.ค.
BoE ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.75% ในการประชุมเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
ในการประชุมเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว BoE ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
BoE ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดในเดือนส.ค.2559 ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ หลังจากที่สหราชอาณาจักรลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
ทางด้านเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของอังกฤษกล่าวว่า สหราชอาณาจักรและ EU ใกล้บรรลุข้อตกลงในภาคบริการทางการเงินแล้ว ซึ่งจะทำให้กรุงลอนดอนสามารถเข้าถึงตลาดการเงินใน EU หลังจากที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจาก EU
ทั้งนี้ กรุงลอนดอน ถือเป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีการบริหารสินทรัพย์ทางการเงินของ EU คิดเป็นสัดส่วนราว 37% มูลค่า 6 ล้านล้านยูโร (6.82 ล้านล้านดอลลาร์) หรือเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับกรุงปารีสของฝรั่งเศส
นอกจากนี้ ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้สหราชอาณาจักรสามารถเข้าถึงตลาดการเงินของ EU ในลักษณะที่เท่าเทียมกับสหรัฐและญี่ปุ่น แม้ว่าจะต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบของ EU
ข้อตกลงภาคบริการทางการเงินเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง Brexit ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ต้องการบรรลุข้อตกลงกับ EU ภายในสิ้นปีนี้เป็นอย่างช้าที่สุด
ทางด้านหนังสือพิมพ์ไทม์สรายงานว่า สหราชอาณาจักรและ EU สามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในภาคบริการทางการเงินในทุกด้านแล้ว รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูล