ดอลลาร์ดีดตัวเหนือระดับ 114 เยน ขณะที่นักลงทุนเพิ่มการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง จากความหวังที่ว่าสหรัฐและจีนจะสามารถแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า
ณ เวลา 22.06 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.05% สู่ระดับ 113.89 เยน หลังจากแตะระดับ 114.07 เยนก่อนหน้านี้ ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.5% สู่ระดับ 128.32 เยน และดีดตัวขึ้น 0.43% สู่ระดับ 1.1265 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.29% สู่ระดับ 97.26
นักลงทุนส่งคำสั่งขายดอลลาร์ และเข้าซื้อเยนในช่วงแรกในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นดิ่งลงตามการทรุดตัวของตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้
แต่ต่อมาดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น หลังมีข่าวว่า นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้หารือกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เกี่ยวกับข้อตกลงที่จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้า ก่อนที่การประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะเปิดฉากขึ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า นายเหอได้เตรียมเดินทางเยือนสหรัฐเพื่อจัดการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งจะปูทางก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะพบปะกันในการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้
อย่างไรก็ดี นักลงทุนไม่ต้องการดันดอลลาร์ขึ้นมากนัก ก่อนการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศประจำไตรมาส 3 ของญี่ปุ่นในวันพรุ่งนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาวิกฤตการณ์งบประมาณของอิตาลี ซึ่งจะมีการยื่นต่อสหภาพยุโรปในวันนี้
ปอนด์พุ่งขึ้นเทียบดอลลาร์และยูโร หลังมีรายงานว่า อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit)
ณ เวลา 22.21 น.ตามเวลาไทย ปอนด์แข็งค่า 0.83% สู่ระดับ 1.2953 ดอลลาร์ และปรับตัวขึ้น 0.38% สู่ระดับ 0.8695 เทียบยูโร
นายเดวิด ลิดิงตัน รัฐมนตรีประจำสำนักคณะรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า อังกฤษและ EU อาจบรรลุข้อตกลง Brexit ภายในเวลา 24-48 ชั่วโมงข้างหน้า
ทางด้าน EU ต้องการที่จะบรรลุข้อตกลงฉบับร่างภายในวันพรุ่งนี้เป็นอย่างช้าที่สุด เพื่อให้มีการอนุมัติข้อตกลงอย่างเป็นทางการในการประชุมสุดยอดในเดือนนี้
ทั้งนี้ EU และอังกฤษจำเป็นที่จะต้องบรรลุข้อตกลง Brexit เพื่อให้การค้าระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้ หลังจากที่อังกฤษแยกตัวออกจาก EU อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค.ปีหน้า