เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) หลังจากคณะรัฐมนตรีอังกฤษได้ลงมติอนุมัติร่างข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3036 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2954 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1338 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1268 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7246 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7202 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.48 เยน จากระดับ 113.84 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0046 ฟรังก์ จากระดับ 1.0085 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3225 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3253 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์พุ่งขึ้นหลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้แถลงยืนยันว่า คณะรัฐมนตรีอังกฤษได้ลงมติอนุมัติร่างข้อตกลง Brexit แล้วเมื่อวานนี้ หลังจากร่างข้อตกลงดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบร่วมกันระหว่างตัวแทนการเจรจาของอังกฤษ และสหภาพยุโรป (EU) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นางเมย์จะแถลงเกี่ยวกับร่างข้อตกลง Brexit ต่อสภาสามัญชนในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น
รายงานระบุว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีอังกฤษได้ลงมติอนุมัติร่างข้อตกลง Brexit แล้ว ทางด้าน EU ก็เตรียมจัดการประชุมสุดยอดในวันที่ 25 พ.ย.เพื่อหารือกันเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit เป็นลำดับต่อไป
ส่วนดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ขยายตัว 2.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.ที่มีการขยายตัว 2.2%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.