ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 พ.ย.) โดยเงินยูโรได้อ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาอ่อนแอกว่าการคาดการณ์
ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1329 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1405 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2808 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2876 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7226 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7253 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.88 เยน จากระดับ 112.95 เยน แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9974 ฟรังก์ จากระดับ 0.9943 ฟรังก์ และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3230 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3195 ดอลลาร์แคนาดา
นักวิเคราะห์เปิดเผยว่า ตัวเลขเศรษฐกิจยูโรโซนและเยอรมนีที่อ่อนแอกว่าการคาดการณ์นั้น ได้เข้ามากดดันเงินยูโรให้อ่อนค่า ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนลดลงสู่ระดับ 52.4 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 47 เดือน จากระดับ 53.1 ในเดือนต.ค. โดยถูกกดดันจากการชะลอตัวลงของคำสั่งซื้อและยอดส่งออก
ขณะเดียวกัน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของเยอรมนี ลดลงสู่ระดับ 52.2 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 47 เดือนเช่นกัน