ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ความเสี่ยงที่รัฐสภาอังกฤษอาจไม่อนุมัติต่อร่างข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) รวมทั้งการประชุม G20 ซึ่งจะมีขึ้นในปลายเดือนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.64 เยน จากระดับ 112.88 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9991 ฟรังก์ จากระดับ 0.9974 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3241 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3230 ดอลลาร์แคนาดา
ขณะที่สกุลเงินยูโรทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1329 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 1.2811 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2808 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7228 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7226 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ Brexit หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินเมื่อวานนี้ เพื่อบรรยายสรุปเกี่ยวกับแนวทางที่จะโน้มน้าวให้ฝ่ายคัดค้านร่างข้อตกลง Brexit ให้กลับมาออกเสียงสนับสนุน
ทั้งนี้ รัฐสภาอังกฤษเตรียมจัดการประชุมเพื่อลงมติต่อร่างข้อตกลง Brexit ซึ่งคาดว่าการประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 11 ธ.ค.นี้
ทางด้านยูเรเซีย กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยง ระบุว่า มีความเป็นไปได้มากถึง 75% ที่รัฐสภาอังกฤษจะไม่ให้การอนุมัติร่างข้อตกลง Brexit
หากร่างข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากรัฐสภา ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ นางเมย์อาจพ้นจากตำแหน่งนายกฯ และอาจทำให้อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) โดยไร้ซึ่งข้อตกลง ซึ่งจะทำให้อังกฤษอยู่ภายใต้กฎข้อบังคับขององค์การการค้าโลก (WTO) ส่งผลให้มีการปรับเพิ่มภาษีนำเข้า จากเดิมที่อังกฤษเป็นสมาชิกตลาดเดี่ยวของ EU ซึ่งทำให้ไม่ต้องเสียภาษีในการส่งออกและนำเข้าสินค้าภายใน EU
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2561 (ประมาณการครั้งที่ 2), สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเบื้องต้นเดือนต.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนต.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 7-8 พ.ย.