ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา สุดสัปดาห์นี้
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.60 เยน จากระดับ 113.43 เยน แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ 0.9996 ฟรังก์ จาก 0.9963 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ 1.3288 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3274 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1308 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1388 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2742 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2782 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7302 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 0.7319 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในระหว่างการหารือนอกรอบการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โดยปธน.ทรัมป์มีกำหนดรับประทานอาหารค่ำร่วมกับปธน.สีในวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ผู้นำทั้งสองจะเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน โดยปธน.ทรัมป์จะเจรจาในประเด็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา กรรมสิทธิ์ของบริษัทสหรัฐในจีน และการตั้งกำแพงการค้าทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับภาษี
ขณะเดียวกัน เงินปอนด์และยูโรอ่อนค่าลง อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของข้อตกลง Brexit
โดยนักลงทุนมีความกังวลเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ออกมากล่าวในวันพฤหัสบดีว่า เธอจะเดินหน้าคว้าชัยชนะในการพิจารณาลงมติของรัฐสภาอังกฤษในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ เกี่ยวกับแผน Brexit ของนางเมย์ที่ได้รับความเห็นชอบจากสหภาพยุโรปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
แผน Brexit ของนางเมย์ มีเป้าหมายที่จะรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรกับ EU หลังแยกตัวออกจากกลุ่มตามกำหนดการในเดือนมี.ค.ปีหน้า อย่างไรก็ดี นางเมย์ยังไม่ได้เตรียมแผนสำรองกรณีที่แผนการดังกล่าวไม่สามารถผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนว่า อาจส่งผลให้เงินปอนด์ร่วงลงอย่างหนักได้