ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) หลังจากกระทรวงแรงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ที่ขยายตัวน้อยกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9892 ฟรังก์ จากระดับ 0.9931 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3282 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3392 ดอลลาร์แคนาดา แต่หากเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์ทรงตัวที่ระดับ 112.64 เยน
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1421 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1374 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2751 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2776 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7209 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7222 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนพ.ย. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 155,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.2% ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวที่ต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ย. จะทำให้เฟดคลายความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีหน้า ซึ่งลดลงจากที่เคยคาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้วว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีหน้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค. โดยสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 0.7% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.ย.
ส่วนยอดขายในภาคค้าส่งลดลง 0.2% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย. โดยยอดขายดังกล่าวบ่งชี้ว่า ผู้ค้าส่งจะใช้เวลา 1.28 เดือนในการจำหน่ายสินค้าทั้งหมดในสต็อก ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.27 เดือนในเดือนก.ย.
นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้