ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) จากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ทรงตัวของสหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า นางเทเรซา เมย์ จะสามารถผ่านพ้นการลงมติไม่ไว้วางใจจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งจะส่งผลให้นางเมย์ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษและหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมต่อไป
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2632 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2528 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.1365 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1326 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7219 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7205 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 113.21 เยน จากระดับ 113.39 เยน และทรงตัวเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9928 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3350 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3396 ดอลลาร์แคนาดา
ดอลลาร์อ่อนค่าลงท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวที่อ่อนแอที่สุดในรอบ 8 เดือน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค. โดยดัชนี CPI เดือนพ.ย.ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนต.ค.
ส่วนเงินปอนด์ดีดตัวขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะสามารถผ่านพ้นการลงมติไม่ไว้วางใจจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมในวันนี้ ซึ่งจะส่งผลให้นางเมย์ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมต่อไป
นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 18-19 ธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้ แต่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ทรงตัว และการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ซบเซาในเดือนพ.ย.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.