ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ พร้อมกับจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ ขณะที่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นหลังจากนายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศจัดการลงมติในรัฐสภาเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ในช่วงกลางเดือนม.ค.ปีหน้า
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.75 เยน จากระดับ 113.29 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9925 ฟรังก์ จากระดับ 0.9977 ฟรังก์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3408 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3374 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1350 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1303 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2629 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2579 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7177 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7178 ดอลลาร์สหรัฐ
เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นหลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า ตนจะเปลี่ยนแปลงกำหนดการสำหรับการลงมติในรัฐสภาต่อร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) เป็นสัปดาห์ที่เริ่มต้นวันที่ 14 ม.ค.62
"สมาชิกสภาสามัญชนจำนวนมากมีความกังวลว่าเราจำเป็นต้องทำการตัดสินใจในไม่ช้า โดยเราจะมีการอภิปรายในสัปดาห์ที่เริ่มต้นวันที่ 7 ม.ค.62 และจะมีการลงมติในสัปดาห์ถัดไป" นางเมย์กล่าว หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นางเมย์ได้ตัดสินใจเลื่อนการลงมติในรัฐสภาต่อร่างข้อตกลง Brexit อย่างไม่มีกำหนด จากเดิมที่มีกำหนดลงมติในวันที่ 11 ธ.ค. เนื่องจากวิตกว่าจะไม่ได้รับการอนุมัติจากสภา
ส่วนดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดอลลาร์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ พร้อมกับจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้
ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาการส่งสัญญาณของเฟดเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อทรงตัวในเดือนพ.ย. และการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดในเดือนพ.ย.
CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีหน้า ซึ่งลดลงจากที่เคยคาดการณ์เมื่อเดือนที่แล้วว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีหน้า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย., ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน