ดอลลาร์ถูกกดดันในวันนี้ หลังนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดอาจทำการทบทวนนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงในการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ หรือชัตดาวน์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวลง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ณ เวลา 23.44 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.07% สู่ระดับ 111.20 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.40% สู่ระดับ 126.82 เยน และร่วงลง 0.36% สู่ระดับ 1.1403 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.43% สู่ระดับ 96.69
ดัชนีดอลลาร์มีแนวโน้มดิ่งลง 1.2% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบ 10 เดือน
นายวิลเลียมส์กล่าวว่า เฟดอาจทำการทบทวนนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดงบดุลในปีหน้า หากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง
"เรากำลังฟังตลาด และพิจารณาข้อมูลที่เราได้รับ รวมทั้งพร้อมที่จะทบทวนมุมมองของเรา ขณะที่มีความเสี่ยงว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวต่อไป" นายวิลเลียมส์กล่าว
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลงในสัปดาห์นี้ หลังจากที่เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% และส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีหน้า โดยปรับขึ้นอีก 2 ครั้ง ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นเพียง 1 ครั้ง หรืออาจจะไม่ปรับขึ้นเลย
ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 3.0% จากเดิมที่ 3.1% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าสู่ระดับ 2.3% จากเดิมที่ 2.5%
นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดพบกับสมาชิกวุฒิสภาที่สังกัดพรรคพรรครีพับลิกันที่ทำเนียบขาวในวันนี้ ก่อนถึงเส้นตายเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่หน่วยงานรัฐบาลต้องถูกปิดการดำเนินงาน เนื่องจากขาดงบประมาณ หรือเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์
การประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นในเวลา 10.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.30 น.ตามเวลาไทย