ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นในการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเงินดอลล์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางการร่วงลงของตลาดหุ้นและความกังวลเกี่ยวกับการที่หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอาจต้องถูกปิดการดำเนินงาน เนื่องจากขาดงบประมาณ หรือเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1371 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1469 ดอลลาร์ เงินปอนด์อ่อนค่าลงที่ระดับ 1.2634 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2670 ดอลลาร์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะ 0.7046 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7118 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 111.29 เยน เมื่อเทียบกับ 111.11 เยนเมื่อวานนี้ ในขณะเดียวกันก็แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9948 ฟรังค์ จาก 0.9869 ฟรังค์ และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3589 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3496 ดอลลาร์แคนาดา
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ และในเดือนนี้ดัชนีดาวโจนส์ก็ได้ปรับตัวลงอย่างย่ำแย่ที่สุด นับตั้งแต่ที่สหรัฐเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี 2474 โดยได้ดิ่งลงแล้วมากกว่า 9% ในเดือนนี้ และร่วงลง 6% จากต้นปีนี้
การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทำให้นักลงทุนระมัดระวังการเข้าเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐยังคงไม่แน่นอน ประกอบกับใกล้เข้าสู่วันหยุดในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
ตลาดจับตาการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณของสหรัฐ ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงที่อาจทำให้หน่วยงานรัฐบาลอาจต้องถูกปิดการดำเนินงาน เนื่องจากขาดงบประมาณ หรือเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐส่งสัญญาณชัดเจนที่จะไม่อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณที่เพิ่งผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนราษฎร
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ออกมาทวีตข้อความขู่เมื่อวานนี้ว่า เขาจะไม่ลังเลที่จะทำให้หน่วยงานรัฐบาลต้องถูกปิดการดำเนินงาน ถ้าหากสมาชิกพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาปฏิเสธที่จะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรก่อนหน้านี้
"ท่านวุฒิฯมิตช์ แมคคอนเนลล์ควรจะต่อสู้เพื่อความมั่นคงตามแนวชายแดน และการสร้างกำแพง เหมือนกับที่เขาต่อสู้เพื่อเรื่องอื่น เขาจำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคเดโมแครต แต่ก็ตามที่ได้เห็นในสภาผู้แทนราษฎร เรื่องดีๆก็ได้เกิดขึ้น" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
"ถ้าเดโมแครตปฏิเสธที่จะอนุมัติงบประมาณ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ซึ่งจะกินเวลานานมาก ชาวสหรัฐไม่ต้องการเปิดพรมแดน และคดีอาชญากรรม" ปธน.ทรัมป์ระบุ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวก หลังจากนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ออกมาเปิดเผยว่า เฟดอาจทำการทบทวนนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
นายวิลเลียมส์กล่าวว่า เฟดอาจทำการทบทวนนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดงบดุลในปีหน้า หากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง
"เรากำลังฟังตลาด และพิจารณาข้อมูลที่เราได้รับ รวมทั้งพร้อมที่จะทบทวนมุมมองของเรา ขณะที่มีความเสี่ยงว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวต่อไป" นายวิลเลียมส์ระบุ