ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงติดต่อกันหลายวันทำการ ยังสร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์ด้วยเช่นกัน
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.41 เยน จากระดับ 111.29 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9875 ฟรังก์ จากระดับ 0.9948 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3611 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3589 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1398 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1371 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2704 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2634 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7041 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7046 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของสหรัฐ แม้ว่านายมนูชินได้หารือกับผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่ 6 แห่งของสหรัฐเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งได้แก่ผู้บริหารของโกลด์แมน แซคส์, เจพี มอร์แกน, แบงก์ ออฟ อเมริกา, มอร์แกน สแตนลีย์, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าธนาคารเหล่านี้มีสภาพคล่องเพียงพอที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจ ขณะที่ผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่เหล่านี้ต่างก็ยืนยันว่าธนาคารยังมีสภาพคล่องเพียงพอในการปล่อนสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจและผู้บริโภค
นักวิเคราะห์กล่าวว่า แม้นายมนูชินได้ออกมาสร้างความเชื่อมั่นด้วยการหารือกับ 6 ผู้บริหารธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลลงได้ นอกจากนี้ นักลงทุนมองว่า การที่นายมนูชินได้เรียกประชุมคณะทำงานด้านตลาดการเงินของประธานาธิบดีสหรัฐ หรือกลุ่มเฉพาะกิจเพื่อป้องกันการทรุดตัวของตลาด (Plunge Protection Team) เมื่อวานนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่มีต่อทิศทางเศรษฐกิจในขณะนี้
นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการที่หน่วยงานบางส่วนของสหรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์เป็นวันที่ 3 เมื่อวานนี้ ขณะที่นายมิค มัลวานีย์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณแห่งทำเนียบขาวเตือนว่า ภาวะชัตดาวน์อาจจะยืดเยื้อไปจนถึงวันที่ 3 ม.ค.ปีหน้า หลังจากวุฒิสภาสหรัฐไม่อนุมัติร่างกฎหมายที่บรรจุงบประมาณสำหรับก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ตามความประสงค์ของปธน.ทรัมป์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข่าวลือที่ว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการปลดนายพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟด หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยปธน.ทรัมป์ได้ออกมาทวีตข้อความตำหนิเฟดอีกครั้งเมื่อวานนี้ ซึ่งระบุว่า "สิ่งที่เป็นปัญหาของเศรษฐกิจสหรัฐก็คือเฟด พวกเขาไม่ยอมรับรู้ถึงความรู้สึกของตลาด" ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลให้กับนักลงทุน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ +0.22 ในเดือนพ.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในเดือนดังกล่าว จากระดับ +0.00 ในเดือนต.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จาก Conference Board, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย. และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย.
** ตลาดเงินนิวยอร์กจะปิดทำการซื้อขายในวันอังคารที่ 25 ธ.ค. เนื่องในวันคริสต์มาส **