สกุลเงินปอนด์ดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) หลังจากสมาชิกสภาสามัญชนของอังกฤษลงมติให้ความไว้วางใจต่อรัฐบาลของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซนอ่อนแอมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2870 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2836 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1398 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1400 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7176 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7193 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.92 เยน จากระดับ 108.58 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9906 ฟรังก์ จากระดับ 0.9881 ฟรังก์ อย่างไรก็ดี ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3249 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3282 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์ฟื้นตัวขึ้นหลังจากสมาชิกสภาสามัญชนของอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 325-306 เสียง ให้ความไว้วางใจต่อรัฐบาลของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยหลังจากนี้ นางเมย์จะต้องนำเสนอแผนการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ฉบับใหม่ต่อรัฐสภาภายในวันที่ 21 ม.ค. หลังจากที่เมื่อวานนี้ รัฐสภาลงมติด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย 432 ต่อ 202 เสียง ปฏิเสธร่างข้อตกลง Brexit ของนางเมย์
ทั้งนี้ หากรัฐสภาอังกฤษยังคงไม่ให้การอนุมัติต่อแผน Brexit ฉบับใหม่ของนางเมย์ ก็มีแนวโน้มที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU ในวันที่ 29 มี.ค.โดยไร้ข้อตกลง
ส่วนสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซนอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมาตรการกระตุ้นทางการเงินยังคงมีความจำเป็น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเพิ่มขึ้น 2 จุด สู่ระดับ 58 ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน แต่เมื่อเทียบรายปี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงลง 14 จุดในเดือนม.ค. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคานำเข้าร่วงลงเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนธ.ค. โดยปรับตัวลง 1.0% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากดิ่งลง 1.9% ในเดือนพ.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน