ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ก.พ.) ขานรับการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และการที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐขยายตัวสูงสุดรอบ 4 เดือนในม.ค.
อย่างไรก็ดี ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงเพิ่มขึ้นต่ำกว่าการคาดการณ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ขยับขึ้น 0.06% สู่ระดับ 95.62
เงินปอนด์ อ่อนค่าลง 0.22% เมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3082 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย อ่อนค่าลง 0.34% แตะ 0.725 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนเงินเยน แข็งค่าขึ้น 0.59% ที่ระดับ 109.51 เยน และเงินยูโร แข็งค่าขึ้น 0.09% แตะ 1.1459 ดอลลาร์
เงินดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุน หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. โดยเพิ่มขึ้น 304,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.1% ในเดือนม.ค. โดยต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายปี ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานทรงตัวที่ระดับ 3.2% ในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดเผยภาคการผลิตที่สดใสของสหรัฐ
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 53.8 ในเดือนธ.ค.
การปรับตัวขึ้นของดัชนี PMI ได้รับปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน