ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3301 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3203 ดอลลาร์แคนาดา อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.83 เยน จากระดับ 109.98 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0017 ฟรังก์ จากระดับ 1.0025 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1351 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1363 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2959 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2937 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7100 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7113 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 ราย สู่ระดับ 234,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 4,500 ราย สู่ระดับ 224,750 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวเพียง 1.3% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 1.9% ในปีที่แล้ว และคาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวที่ระดับ 1.6% ขณะที่ก่อนหน้านี้ EC คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะมีการขยายตัว 1.9% ในปีนี้ และ 1.7% ในปีหน้า
นอกจากนี้ EC ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของ EU ซึ่งไม่รวมสหราชอาณาจักร จะขยายตัวเพียง 1.5% ในปีนี้ ลดลงจากระดับ 2.1% ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะดีดตัวสู่ระดับ 1.8% ในปีหน้า โดย EC ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงนั้น มาจากผลกระทบของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ และหนี้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น