ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุตสาหกรรม และราคานำเข้า
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.08% สู่ระดับ 96.9037
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 110.44 เยน จากระดับ 110.47 เยน ขณะที่ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ 1.0049 ฟรังก์สวิส จากระดับ 1.0047 ฟรังก์สวิส และดอลลาร์อ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ 1.3250 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3281 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรปรับตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.1295 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1299 ดอลลาร์ ขณะที่ปอนด์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.2886 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2801 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สรัฐที่ระดับ 0.7139 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7105 ดอลลาร์
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเมื่อคืนนี้เป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐร่วงลง 0.6% ในเดือนม.ค. เนื่องจากการผลิตรถยนต์ และเครื่องจักร ร่วงลง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าร่วงลงเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนม.ค. โดยปรับตัวลง 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากดิ่งลง 1.0% ในเดือนธ.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าทรุดตัวลง 1.7% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2559
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.2% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2552