ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) เนื่องจากตลาดยังคงถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักลงทุนขายดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย เนื่องจากมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0001 ฟรังก์ จากระดับ 1.0013 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3138 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3224 ดอลลาร์แคนาดา อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.69 เยน จากระดับ 110.66 เยน
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1338 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1336 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าสู่ระดับ 1.3060 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3039 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7133 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7080 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า ดัชนีการผลิตเดือนก.พ. อยู่ที่ระดับ -4.1 ซึ่งลดลงจากระดับ 17.0 ในเดือนม.ค. โดยดัชนีการผลิตติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2559 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 14.0
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขายดอลลาร์ออกมาในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ระบุหลังการเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนเมื่อวานนี้ว่า เขาอาจจะขยายกำหนดเส้นตายในการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนจากวันที่ 1 มี.ค.ออกไปอีก 1 เดือนหรือมากกว่านั้น หากสหรัฐและจีนมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้ามากขึ้น และเขาหวังว่า จะได้พบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในเร็วๆ นี้ เพื่อทำการตัดสินใจด้านการค้าครั้งใหญ่ที่สุดร่วมกัน
ด้านนายเหอกล่าวว่า มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จีนจะทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ โดยนายเหอจะยังคงอยู่ในกรุงวอชิงตันต่อไปอีกสองวันในช่วงสุดสัปดาห์นี้เพื่อเจรจากับคณะเจ้าหน้าที่สหรัฐ และเขาระบุว่า การเจรจามีความคืบหน้าในประเด็นด้านนโยบายสกุลเงิน