ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในระหว่างการแถลงต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหลายรายการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.52 เยน จากระดับ 111.13 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9990 ฟรังก์ จากระดับ 1.0002 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3167 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3193 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1396 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1364 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.3273 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3102 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7193 ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.7175 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากนายพาวเวลได้กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ โดยย้ำว่า เฟดจะใช้ความอดทนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการตัดสินใจด้านนโยบายอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดได้รับ
นายพาวเวลยังกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยง ซึ่งเฟดกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะปรับนโยบาย หากมีความจำเป็น
"ขณะที่เรามองดูสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันว่ามีความแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่สดใส แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นปัญหา และสัญญาณที่ขัดแย้งกัน ขณะที่ตลาดการเงินมีความผันผวนจนถึงช่วงปลายปีที่แล้ว และสภาวะทางการเงินไม่ได้ช่วยสนับสนุนมากนักต่อการขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่แล้ว" นายพาวเวลกล่าว
ส่วนในวันนี้ นายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนธ.ค. โดยร่วงลง 11.2% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.078 ล้านยูนิต จากระดับ 1.214 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย.
ขณะที่ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนส.ค.2558 และชะลอตัวลงจากระดับ 5.1% ในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 131.4 ในเดือนก.พ. จากระดับ 121.7 ในเดือนม.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้น รวมทั้งการยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์)
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ม.ค., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนม.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน