เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตารัฐสภาอังกฤษจะลงมติต่อข้อตกลงว่าด้วยการที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันอังคารนี้ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนและยูโร หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์
เงินปอนด์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3150 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3013 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.1240 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1241 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7061 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7048 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.22 เยน จากระดับ 111.08 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0112 ฟรังก์ จากระดับ 1.0073 ฟรังก์ ส่วนดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3408 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3412 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นก่อนที่รัฐสภาอังกฤษจะลงมติต่อข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีในวันอังคารนี้ ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่า นางเทเรซา เมย์ ได้รับความเห็นชอบจากสหภาพยุโรป (EU) ให้ทำการเปลี่ยนแปลงข้อตกลง Brexit โดยมีผลผูกพันทางกฏหมาย ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งวันก่อนที่รัฐสภาอังกฤษจะทำการอนุมัติข้อตกลงดังกล่าวของนางเมย์ในวันนี้ ดอลลาร์ได้รับปัจจัยหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% ในเดือนดังกล่าว โดยการเพิ่มขึ้นของยอดค้าปลีกในเดือนม.ค.ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของยอดขายวัสดุก่อสร้าง ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนม.ค. หลังจากดิ่งลง 2.3% ในเดือนธ.ค. นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมี.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน