ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินปอนด์พุ่งหลังรัฐสภาอังกฤษลงมติไม่เห็นชอบ Brexit ไร้ข้อตกลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 14, 2019 07:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจากรัฐสภาอังกฤษลงมติไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐขยายตัวเพียงเล็กน้อยในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3217 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3084 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1329 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1296 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7090 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7087 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.03 เยน จากระดับ 111.27 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0032 ฟรังก์ จากระดับ 1.0069 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3303 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3362 ดอลลาร์แคนาดา

เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากรัฐสภาอังกฤษมีมติด้วยคะแนนเสียง 321 ต่อ 278 เสียงเมื่อวานนี้ ไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง

สำหรับในขั้นตอนต่อไป รัฐสภาจะทำการลงมติในวันนี้ว่าจะเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมในวันที่ 29 มี.ค.หรือไม่ ซึ่งหากรัฐสภามีมติเรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป รัฐบาลก็จะต้องทำการเจรจากับ EU ในเรื่องดังกล่าว แต่หากรัฐสภามีมติไม่เรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป อังกฤษก็จะแยกตัวจาก EU อย่างเป็นทางการตามกำหนดเดิมในวันที่ 29 มี.ค.

ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นหลักฐานล่าสุดที่สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.1% ส่วนการใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนม.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4%

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมี.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ