สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน ขณะที่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นจากรายงานที่ว่ารัฐสภาอังกฤษได้เข้าควบคุมกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโร (Brexit) แทนนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรี
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1278 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1312 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3218 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3180 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7144 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7108 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.53 เยน จากระดับ 110.05 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9936 ฟรังก์ จากระดับ 0.9925 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3379 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3411 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน โดยล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า เศรษฐกิจยูโรโซนกำลังเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงการปกป้องทางการค้า และการที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
นายเดวิด ลิปตัน รองกรรมการผู้จัดการคนที่หนึ่งของ IMF ระบุถึงเรื่องดังกล่าวในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงลิสบอน พร้อมแนะว่า ยุโรปจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจขาลงครั้งต่อไปที่เขาเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในที่สุด
ขณะที่เงินปอนด์ดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนปรับตัวรับข่าวรัฐสภาอังกฤษได้เข้าควบคุมกระบวนการ Brexit หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้สูญเสียการควบคุมกระบวน Brexit ให้กับรัฐสภาอังกฤษ และยอมรับว่าเธอไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอที่จะทำให้รัฐสภาอังกฤษอนุมัติข้อตกลง Brexit ของเธอที่ทำไว้กับสหภาพยุโรป (EU)
รายงานล่าสุดระบุว่า รัฐบาลอังกฤษเตรียมเสนอให้มีการลงมติเรื่องข้อตกลง Brexit ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ หลังจากนางเทเรซา เมย์ ได้สูญเสียการควบคุมกระบวน Brexit ให้กับรัฐสภาอังกฤษ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 124.1 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 131.4 ในเดือนก.พ.และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 133 โดยดัชนีดังกล่าวเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลงสวนทางคาดการณ์ในเดือนก.พ. โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของการก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยว ทั้งนี้ ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านร่วงลง 8.7% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.162 ล้านยูนิต แตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดุลการค้าเดือนม.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2561, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ., รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.