ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะคืบหน้า ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของกระบวนการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ส่วนสกุลเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดันหลังจากประธานกลางธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.58 เยน จากระดับ 110.38 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9954 ฟรังก์ จากระดับ 0.9949 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3440 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3402 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1227 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1263 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3058 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3263 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.7077 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7086 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐได้ปัจจัยหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้าในทุกด้าน ขณะที่จีนได้ยื่นข้อเสนอที่ไม่เคยมีขึ้นมาก่อนเกี่ยวกับการถ่ายโอนเทคโนโลยี โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ คณะผู้แทนการค้าสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้เดินทางไปยังกรุงปักกิ่งของจีนเพื่อทำการเจรจาการค้ากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน โดยการเจรจามีขึ้นในวันที่ 28-29 มี.ค. จากนั้นนายหลิว เหอ และคณะ จะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันในสัปดาห์แรกของเดือนเม.ย. เพื่อหารือกับคณะเจรจาการค้าของสหรัฐ
เงินปอนด์อ่อนค่าลงเนื่องจากสถานการณ์ Brexit ยังไร้ทิศทาง โดยรัฐสภาอังกฤษจะทำการลงมติต่อข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันนี้ ซึ่งนับเป็นการลงมติครั้งที่ 3 ต่อข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
ทั้งนี้ หากรัฐสภาอังกฤษลงมติอนุมัติข้อตกลง Brexit ในวันนี้ EU ก็ได้ตกลงที่จะขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ออกไปจนถึงวันที่ 22 พ.ค. แต่หากข้อตกลง Brexit ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอังกฤษ EU ก็จะขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ออกไปเป็นวันที่ 12 เม.ย.เท่านั้น
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวเมื่อวันพุธว่า ECB พร้อมที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปอีก หากพิจารณาเห็นว่าจำเป็น โดยอาจมองหามาตรการที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบข้างเคียงของอัตราดอกเบี้ยติดลบ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการขั้นสุดท้ายสำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2561 โดยระบุว่า GDP ขยายตัวเพียง 2.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% และต่ำกว่าระดับ 2.6% ซึ่งมีการรายงานในเดือนก.พ.
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 211,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 1.0% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้น 0.7%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.