ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานปรับตัวลดลงในเดือนก.พ. ขณะที่สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นก่อนที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะจัดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.51 เยน จากระดับ 111.70 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9990 ฟรังก์ จากระดับ 0.9999 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3311 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3388 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1261 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1218 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3066 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3029 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7126 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7102 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับตัวลดลง 0.5% ในเดือนก.พ. โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้ออุปกรณ์ด้านการขนส่ง เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์อิเลคทรอนิคส์
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน ขยับลง 0.1% ในเดือนก.พ. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวได้รับการจับตาว่าเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในวันพุธนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ที่ประชุม ECB จะส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจาก นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้ออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า ECB พร้อมที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปอีก หากพิจารณาเห็นว่าจำเป็น โดยอาจมองหามาตรการที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบข้างเคียงของอัตราดอกเบี้ยติดลบ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรายงานล่าสุดระบุว่า รัฐสภาอังกฤษอนุมัติข้อเสนอให้มีการเลื่อนกำหนดวันที่อังกฤษต้องถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะต้องยื่นขอสหภาพยุโรป (EU) ให้ขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ออกไปอีก เพื่อหลีกเลี่ยง Brexit แบบไร้ข้อตกลง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.พ., อัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค.