ดอลลาร์ปรับตัวแคบในช่วงล่างของกรอบ 111 เยน โดยถูกกดดันจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) รวมทั้งการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมสุดยอดของ EU ที่กรุงบรัสเซลส์ในวันนี้ เพื่อหารือว่าจะอนุมัติให้อังกฤษขยายกำหนดเส้นตายการแยกตัวออกจาก EU (Brexit) ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.ตามที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เรียกร้องหรือไม่
ณ เวลา 17.35 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ขยับขึ้น 0.05% สู่ระดับ 111.18 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.18% สู่ระดับ 125.38 เยน และดีดตัวขึ้น 0.12% สู่ระดับ 1.1275 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.05% สู่ระดับ 96.95
IMF ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ สู่ระดับ 3.3% จากเดิมที่ระดับ 3.5% โดยได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
อย่างไรก็ดี IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.6% ในปีหน้า ซึ่งเท่ากับการขยายตัวในปี 2561
"ดุลความเสี่ยงยังคงอยู่ในช่วงขาลง และการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นจะทำให้มีการดีดตัวขึ้นของต้นทุนของสินค้านำเข้าขั้นกลาง, สินค้าทุน และราคาสินค้าขั้นสุดท้ายสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้า และความกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้ทางการค้า จะทำให้การลงทุนลดลง, ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก และการขยายตัวของประสิทธิภาพการผลิตชะลอตัวลง ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของภาคเอกชนลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน และฉุดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ" IMF ระบุ
ขณะเดียวกัน IMF ยังเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีการทำข้อตกลง, ความไม่แน่นอนทางการเมือง ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกจัดการเลือกตั้ง และความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชียตะวันออก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความวานนี้ ระบุว่า สหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจาก EU คิดเป็นมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่องค์การการค้าโลก (WTO) มีคำตัดสินระบุว่า การที่ EU ให้เงินอุดหนุนแอร์บัส ได้ส่งผลกระทบต่อสหรัฐ
"WTO พบว่าการที่ EU ให้เงินอุดหนุนแอร์บัส ได้ส่งผลกระทบต่อสหรัฐ และขณะนี้สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจาก EU คิดเป็นมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งที่ผ่านมา EU ได้เอาเปรียบทางการค้าต่อสหรัฐเป็นเวลาหลายปี แต่ EU จะต้องยุติการกระทำดังกล่าวในไม่ช้า" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ทางด้านสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าเฮลิคอปเตอร์โดยสาร ชีส ไวน์ ชุดสกี รถจักรยานยนต์บางประเภท และสินค้าประเภทอื่นๆ วงเงินประมาณ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้การที่ EU ใช้มาตรการอุดหนุนแอร์บัส บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินคู่แข่งของบริษัทโบอิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินของสหรัฐ
อย่างไรก็ดี EU ขู่ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐเช่นกัน