ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 เม.ย.) หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่ปรับตัวลงต่ำกว่าคาดในเดือนเม.ย.
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.22% สู่ระดับ 96.9714
ดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0028 ฟรังก์ จากระดับ 1.0036 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3334 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3380 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.07 เยน จากระดับ 111.67 เยน
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1295 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1255 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าแตะที่ระดับ 1.3077 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3056 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าสู่ระดับ 0.7172 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7118 ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ มหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 96.9 ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 98.0 จากระดับ 98.4 ในเดือนมี.ค. โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า การปรับตัวลงของดัชนีเป็นเพราะผลบวกจากมาตรการปรับลดอัตราภาษีของรัฐบาลได้เริ่มเบาบางลง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผย ดัชนีราคานำเข้าปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในมี.ค. โดยดีดตัวขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2559 อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าทรงตัวในเดือนมี.ค. หลังจากปรับตัวลง 3 เดือนติดต่อกัน
ส่วนดัชนีราคานำเข้าพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.พ. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ.