ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) หลังจากบรรดาเทรดเดอร์ปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.21% สู่ระดับ 98.0011
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1154 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1128 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าแตะระดับ 1.2925 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2893 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7039 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7010 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.61 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0191 ฟรังก์ จากระดับ 1.0210 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3461 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3487 ดอลลาร์แคนาดา
ดอลลาร์อ่อนค่าลง แม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2562 ที่ระดับ 3.2% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5% และสูงกว่าระดับ 2.2% ในไตรมาส 4/2561
ทั้งนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้แรงหนุนจากการส่งออกและการลงทุนของภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม บรรดานักเศรษฐศาสตร์วิตกว่าการขาดแรงกระตุ้นในประเทศอาจถ่วงการขยายตัวในอนาคต
นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยรายงาน GDP บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.6% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบกับ 1.5% ในไตรมาส 4/2561
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน เพิ่มขึ้นในอัตรา 1.3%