ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 พ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดระบุว่า อัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแรงลงในช่วงที่ผ่านมานั้น อาจเกิดจากปัจจัยชั่วคราว และเชื่อว่าเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.59 เยน จากระดับ 111.36 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3450 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3392 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0181 ฟรังก์ จากระดับ 1.0187 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1194 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1221 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3044 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3037 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7011 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7051 ดอลลาร์สหรัฐ
ในการประชุมนโยบายการเงินซึ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ พร้อมกับย้ำว่า เฟดว่าจะใช้ความอดทนก่อนที่จะมีการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจากระดับ 2.25-2.50% ในปัจจุบัน
ทางด้านนายพาวเวลได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมเฟดเมื่อวานนี้ โดยนายพาวเวลยังคงย้ำจุดยืนด้านนโยบายของเฟด แม้ปธน.ทรัมป์ พยายามกดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม โดยปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเพื่อเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1% และใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ครั้งใหม่ ซึ่งหากเฟดมีการผ่อนคลายนโยบาย เศรษฐกิจสหรัฐก็จะพุ่งขึ้นเหมือนจรวด ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า "เราเป็นสถาบันที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งหมายความว่า เราไม่มีการอภิปรายในประเด็นการเมือง และเราจะไม่นำประเด็นการเมืองมาใช้ประกอบการตัดสินใจของเรา ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งก็ตาม" พร้อมกับย้ำว่า จุดยืนด้านนโยบายของเฟดในขณะนี้ "มีความเหมาะสม" และเฟดยังมองไม่เห็นหลักฐานใดๆที่จะผลักดันให้เฟดดำเนินนโยบายไปในทิศทางอื่น
ส่วนในเรื่องเงินเฟ้อของสหรัฐที่อ่อนแรงลงนั้น นายพาวเวลเชื่อว่า แรงกดดันด้านราคาที่ปรับตัวลดลงเมื่อเร็วๆนี้ อาจจะเกิดจาก "ปัจจัยชั่วคราว" และคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในวันข้างหน้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 275,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐร่วงลง 0.9% ในเดือนมี.ค. หลังจากปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน โดยเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.พ.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนเม.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนเม.ย.จากมาร์กิต และดัชนีบริการเดือนเม.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)