ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการ เปิดเผยดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงในเดือนเม.ย. แม้กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งก็ตาม
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.31% สู่ระดับ 97.5208
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1194 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1175ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าแตะระดับ 1.3164 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3027 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.7014 ดอลลาร์ จากระดับ 0.6997 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 111.09 เยน จากระดับ 111.49 เยน และดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบฟรังก์สวิสที่ระดับ 1.0174 ฟรังก์ จากระดับ 1.0193 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3427 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3470 ดอลลาร์แคนาดา
ดอลลาร์ปรับตัวลง หลังสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 55.5 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2560 และต่ำกว่าระดับ 56.1 ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐอาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.5 ในเดือนเม.ย.
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง และสูงกว่าระดับ 189,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า อัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8% ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค. และเมื่อเทียบรายปี ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานทรงตัวที่ระดับ 3.2%