ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่เงินเยนได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุนในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.14 เยน จากระดับ 110.26 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3474 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3480 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0200 ฟรังก์ จากระดับ 1.0195 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1192 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1183 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3005 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3063 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6989 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7004 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากกระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลจีนจะตอบโต้สหรัฐ หากมีการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% ในวันศุกร์นี้ จากเดิมที่ระดับ 10%
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% ในวันศุกร์นี้ จากเดิมที่ระดับ 10% รวมทั้งจะมีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์ในอัตรา 25% ในไม่ช้า
นักลงทุนในตลาดยังคงจับตาสถานการณ์เกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า เขาหวังว่าอังกฤษจะสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ Brexit ได้ในไม่ช้า เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการที่จะทำข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับอังกฤษ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษที่มีการเปิดเผยล่าสุด ธนาคารฮาลิแฟ็กซ์เปิดเผยว่า ราคาบ้านเฉลี่ยในสหราชอาณาจักรปรับตัวขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย. แตะระดับ 236,619 ปอนด์ นอกจากนี้ ฮาลิแฟ็กซ์ยังระบุว่า ราคาบ้านเพิ่มขึ้น 5% ในช่วงเดือนก.พ.-เม.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ดุลการค้าเดือนมี.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.