ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและฟรังก์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น เงินเยนและฟรังก์ หลังจากทางการจีนและสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเกินคาด ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับกระบวนการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.55 เยน จากระดับ 109.63 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0092 ฟรังก์ จากระดับ 1.0094 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3438 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3466 ดอลลาร์สหรัฐ
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1203 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1207 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2843 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2904 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.6927 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6944 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ซึ่งรวมถึงเงินเยนและฟรังก์สวิส หลังจากจีนและสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 5.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2546 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.5%
นอกจากนี้ NBS รายงานว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 7.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2546 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.6% จากระดับ 8.7% ในเดือนมี.ค.
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.2% ในเดือนเม.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยการปรับตัวลงของยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย.ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของยอดขายรถยนต์
ส่วนเงินปอนด์ได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ Brexit โดยล่าสุดรัฐบาลอังกฤษประกาศว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะจัดการลงมติข้อตกลง Brexit ในรัฐสภาภายในสัปดาห์ที่ 3 มิ.ย. ขณะที่การเจรจากับพรรคแรงงานยังคงดำเนินต่อไป แม้ไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนก็ตาม
ด้านหน่วยงานซึ่งเป็นตัวแทนสาขาของพรรคอนุรักษ์นิยมทั่วอังกฤษได้เรียกร้องให้ทางพรรคจัดการประชุมฉุกเฉินในช่วงกลางเดือนมิ.ย.เพื่อให้มีการลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจนางเมย์ เนื่องจากไม่พอใจต่อการดำเนินการเกี่ยวกับ Brexit
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐร่วงลง 0.5% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของการผลิตรถยนต์ และอะไหล่
ทางด้านสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้น 3 จุด สู่ระดับ 66 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากยอดขายบ้านที่เพิ่มขึ้น
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย., ดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก Conference Board และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน