ดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) ขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.14% แตะที่ 97.9929 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.10 เยน จากระดับ 109.84 เยน และ แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0110 ฟรังก์ จากระดับ 1.0101 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3442 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3462 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.2725 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2791 ดอลลาร์ และ ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1159 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1171 ดอลลาร์ ขณะที่ ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6866 ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.6893 ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ปอนด์อ่อนค่าลง หลังจากมีรายงานว่า การเจรจาระหว่างพรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และพรรคแรงงานของนายเจเรมี คอร์บิน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ ประสบความล้มเหลวในวันศุกร์ โดยทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งเกี่ยวกับการทำข้อตกลง Brexit
ทั้งนี้ การเจรจาเป็นเวลา 6 สัปดาห์ระหว่างแกนนำของพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงานได้เสร็จสิ้นลงโดยไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ ขณะที่นายคอร์บินระบุในจดหมายถึงนางเมย์ว่า การเจรจาได้ไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว และขณะนี้พรรคแรงงานจะเดินหน้าขัดขวางข้อตกลง Brexit ของนางเมย์
นายคอร์บินระบุเสริมว่า การที่นางเมย์ขาดเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภา และนางเมย์มีแนวโน้มที่จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเจรจา
ทั้งนี้ แกนนำของพรรคอนุรักษ์นิยมระบุว่า นางเมย์จะประกาศกำหนดเวลาของการลาออกจากตำแหน่งในช่วงต้นเดือนหน้า
ทางด้านนายบอริส จอห์นสัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ประกาศชิงตำแหน่งผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมคนใหม่ แทนนางเมย์