ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของยูโรโซนและเยอรมนี ปรับตัวขึ้นในเดือนมิ.ย. ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ออสเตรเลียมียอดเกินดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ค.
ณ เวลา 18.43 น.ตามเวลาไทย ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.05% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แตะที่ระดับ 1.1294 ดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์ออสเตรเลีย ปรับตัวขึ้น 0.39% แตะที่ระดับ 0.7021 ดอลลาร์สหรัฐ
ยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซน อยู่ที่ 53.6 ในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.9 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว
ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการของเยอรมนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.8 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน จากระดับ 55.4 ในเดือนพ.ค. โดยดัชนี PMI เดือนมิ.ย.ได้รับปัจจัยหนุนจากการจ้างงาน อันเป็นผลจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศ
ส่วนสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานในวันนี้ว่า ออสเตรเลียมียอดเกินดุลการค้ามูลค่า 5.745 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.820 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในเดือนเม.ย. และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่มูลค่าการส่งออกในเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้น 4% และมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 1% นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในคืนนี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนมิ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และคำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค.