ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงเนื่องจากความกังวลว่า อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไม่มีการทำข้อตกลง
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.60 เยน จากระดับ 108.80 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9902 ฟรังก์ จากระดับ 0.9915 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3152 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3162 ดอลลาร์แคนาดา
เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.2161 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2223 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1156 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1146 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6874 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6901 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
เงินปอนด์อ่อนค่าลงเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า อังกฤษอาจจะออกจากสหภาพยุโรป (EU) แบบไร้ข้อตกลง หลังจากนายยุงเกอร์กล่าวว่า ข้อตกลง Brexit ซึ่งผู้นำ EU มีการบรรลุข้อตกลงกับนางเทเรซา เมย์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ถือเป็นข้อตกลงที่ดีที่สุด และเป็นข้อตกลงฉบับเดียวที่อังกฤษทำไว้กับ EU
ทางด้านนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวต่อรัฐสภาว่า เขาจะทำข้อตกลง Brexit ฉบับใหม่กับ EU ซึ่งหาก EU ปฏิเสธที่จะทำการเจรจา เขาก็จะนำอังกฤษแยกตัวจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค. โดยไม่มีการทำข้อตกลง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งชะลอลงหลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค.
ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 2.8% สู่ระดับ 108.3 ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 จากระดับ 105.4 ในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 135.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว หลังจากร่วงลงแตะระดับ 124.3 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 124.8
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนมิ.ย., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค., ดุลการค้าเดือนมิ.ย., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานมิ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน