ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก เหตุวิตกสงครามการค้าสหรัฐ-จีนบานปลาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 6, 2019 07:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้ส่งผลให้นักลงทุนหันไปถือครองสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นเงินเยนและฟรังก์สวิส

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.03 เยน จากระดับ 106.56 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9736 ฟรังก์ จากระดับ 0.9824 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3217 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3211 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.1202 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1111 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2141 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2157 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6760 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6795 ดอลลาร์สหรัฐ

นักลงทุนเทขายดอลลาร์และเข้าซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีแนวโน้มบานปลาย หลังจากที่จีนปล่อยให้เงินหยวนทรุดตัวลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์เมื่อวานนี้ แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี นอกจากนี้ จีนยังได้ประกาศระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ และจีนอาจเรียกเก็บภาษีจากสินค้าเกษตรของสหรัฐซึ่งจีนได้ซื้อมาก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่จีนปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงอย่างมาก ถือเป็นมาตรการตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนเคยสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลกในปี 2558 โดยการประกาศปรับลดค่าเงินหยวนในปีดังกล่าว เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

ทางด้านกระทรวงการคลังสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดระบุว่า จีนได้กระทำการปั่นค่าเงิน ด้วยการปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี และสหรัฐจะร่วมมือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อขจัดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากจีน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 53.0 ในเดือนก.ค. จากระดับ 51.5 ในเดือนมิ.ย.

ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 53.7 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี จากระดับ 55.1 ในเดือนมิ.ย.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนมิ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมิ.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ